วันที่18 พฤศจิกายน2564 นายมาโนช บัวองค์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน พร้อมด้วย พาณิชย์จังหวัด เกษตรกรและสหกรณ์จังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่สหกรณ์การเกษตรเมืองพะเยา จำกัด (สาขาภูกามยาว) อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา นายมาโนช บัวองค์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ระบุว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเสนอโดยกระทรวงพาณิชย์ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 วงเงินรวม 13,225 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและป้องกันความเสียงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ต้นละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตันโดยเริ่มจ่ายรอบแรกวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ปัจจุบันมีเกษตรกร ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนได้รับประโยชน์ จำนวน 87,655 ครัวเรือน เป็นเงิน 988 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเป็นเกษตรกรในจังหวัดพะเยา 4,195 ครัวเรือน จำนวนเงิน 54 ล้านบาท
สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและคำนวณปริมาณผลผลิต โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิดคูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ข้างต้น ส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นข้อมูลในการจ่ายเงิน จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมมาตรการตคู่ขนานเพื่อชะลอการขายในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพต้านราคาข้าว ประกอบด้วย (1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 วงเงินสินเชื่อ 20,402 ล้านบาท พร้อมช่วยเหลือค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท (2) ใครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2564/65 วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชนรวบรวมข้าวเปลือกสำหรับการจำหน่ายหรือเพื่อการแปรรูป (3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในการดูดชับผลผลิต (4) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 เพื่อช่วยลดตันทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือ ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ในจังหวัดพะเยาได้มีเกษตรกรแสดงความสนใจเข้าร่วมใครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 จำนวน 5,492 ตัน วงเงินสินเชื่อ 86.10 ล้านบาท และได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโคยสถาบันเกษตรกร และโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย จำนวน 6 แห่ง วงเงินสินเชื่อ 441ล้านบาท สามารถรวบรรมผลผลิตข้าวเปลือกได้ปริมาณ 51,800 ตัน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ