จากกรณีที่ นาย ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจ จุดเชียงคำ พะเยา ได้ลงคลิปวีดีโอในเพจ….ว่า มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเชียงคำ จ.พะเยา ได้มีการลักศพทารก
เมื่อ วันที่ 19 มิถุนายน 65 เวลา 21.00 น.ได้มีการนำศพเด็กทารกแรกเกิด ที่เสียชีวิต ไปห้องเก็บศพ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลอาสาที่จะจัดการนำออกไปทำพิธีกรรมทางศาสนาให้ โดยได้ตกลงกับพ่อแม่ของเด็กทารก พร้อมบอกมีค่าใช้จ่าย ให้ทางสัปเหร่อ 2500 บาท ซึ่งทางผู้ปกครองก็ยินยอมจ่ายให้ ในคืนนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 เนื่องจากทางพ่อแม่เด็กทารก ไม่ได้พูดคุยประสานกับทางปู่ของเด็ก(ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล) ในตอนสายๆ ประมาณ 10.00 น.ได้มีปู่ของเด็กทารกที่เสียชีวิตมาตามหาร่างของทารกดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ลงพื้นที่ไปด้วย เมื่อเปิดดูโลงเย็นกลับไม่พบร่างเด็กดังกล่าวจึงทำให้ปู่และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเกิดความสงสัยว่าศพเด็กหายไปไหน จึงสอบถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เข้าเวรตอนนั้นแต่ก็ไม่มีใครทราบ จึงเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ของโรงพยาบาลเอาศพน้องไปทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างหรือไม่ ทางปู่จึงแจ้งไปยังผู้บริหารโรงพยาบาลให้ลงมาตรวจสอบ ในวันนั้น(20มิย65)โดยได้พบศพเด็กอยู่บริเวณข้างหลังออกเก็บศพ เวลา 20.00 โดยเจ้าหน้าที่ รปภ.โรงพยาบาลเอง
ด้านผู้บริหารระดับรอง ผอ.(สงวนชื่อ-สกุล) เผยว่า ทั้งหมดเกิดจากการ สื่อสารผิดพลาด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ รปภ.เวรบ่ายเป็นรับปากพ่อแม่เด็กว่าจะจัดการพิธีศพให้พ่อแม่ได้เซ็นยินยอมแล้ว และได้ทำการตกตงกับสัปเหร่อให้มารับศพ โดยมีค่าใช้จ่าย 2500 บาท ทางพ่อแม่เด็กก็ยินยอมจ่ายให้เรียบร้อย แต่ไม่ได้ประสานกับปู่ของเด็กที่ได้คิดต่อกับมูลนิธิฯไว้ อีกทั้งศพของเด็กที่แช่ไว้ในโลงเย็นได้นำออกมาเพื่อให้ละลายน้ำแข็งจะได้ไปประกอบพิธีศพได้ง่าย ทางรปภ.คนดังกล่าวจึงได้นำร่างของเด็กมาวางไว้บริเวณด้านหลังของโรงเก็บศพ ซึ่งเป็นที่ประจำเพื่อให้สัปเหร่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งศพเด็กนั้นได้บรรจุห่อใส่ถุงพลาสติกใบเล็กๆซึ่งอาจจะไม่เป็นที่สังเกตุว่าเป็นอะไร ส่วนเรื่องพฤติกรรมมีการเรียกเงินค่าทำศพของผู้มาใช้บริการ หลังจากนี้ได้สั่งเจ้าหน้าที่ห้ามมิให้กระทำการดังกล่าวอีกต่อไป และให้ทางญาติผู้เสียชีวิตจัดการเรื่องศพแทน โรงพยาบาลเป็นเพียงผู้ออกเอกสารการเสียชีวิตและเก็บรักษาศพไว้เท่านั้น สรุปก็คือว่า เป็นสื่อสารผิดพลาด ทั้งทางผู้ปกครองและญาติ(ปู่)ของเด็ก โดยทั้งหมดไม่ได้ติดใจเอาความใดๆกับใครทั้งสิ้น
ทางด้าน แพทย์หญิงลดาวรรณ หาญไพโรจน์ ผอ.รพ.เชียงคำ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดการเข้าใจผิดกันในด้านของการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เก็บรักษาศพจากนี้ต่อไป จะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง พร้อมสรุปเรื่องดังกล่าวให้กับทาง สสจ.พะเยา อีกทีคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน
สัมภาษณ์…แพทย์หญิงลดาวรรณ หาญไพโรจน์ ผอ.รพ.เชียงคำ จังหวัดพะเยา
ขณะที่นายพีระพงษ์ เนินวิเชียร เจ้าหน้าที่กู้ภัย มูนิธิสยามรวมใจ(ปู่อินทร์) เชียงคำ ระบุว่ากรณีดังกล่าวนั้นคาดว่าจะมีเงื่อนงำเนื่องจากเราได้รับเรื่องจาก ผู้ปกครองของเด็กดังกล่าวที่จะให้ทาง มูลนิธิทำการจัดการเรื่องศพทารกที่เสียชีวิต แต่เมื่อถึงเวลาที่เราไปรับศพทารกเสียชีวิตดังกล่าวในวันที่ 20 นอนเวลา 8.00 น. กับไม่พบศพเด็กทารกเนื่องจากทางเราได้รับมอบหมายให้จัดการเรื่องศพดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่เราได้ประสานผู้รับผิดชอบที่เก็บศพ กลับได้รับการกล่าวอ้างว่าได้นำศพทารกดังกล่าวไปทำการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว ทางเราเลยออกติดตามไปตามสถานที่ ที่ของสุสานในพื้นที่กลับพบว่าไม่มีผู้ไดได้นำศพทารกไปเผาหรือฌาปณกิจ ทางเราจึงกลับมา ติดตามที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่พยามที่จะเบี่ยงเบนประเด็นดังกล่าว จึงได้มีการให้เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเรา เฝ้าติดตามเคลื่อนไหวบริเวณที่เก็บศพจนถึงเวลา ประมาณ20.00 จึงได้นำศพดังกล่าวมาคืนไว้ที่ห้องเก็บศพ ซึ่งตรงนี้มองว่ามีเงื่อนงำในการที่จะปิดบังอำพรางเรื่องของศพทารกดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลักศพไปกระทำการอย่างไดอย่างหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลก็มีการทำศพหายไปหลายเคส แต่ไม่มีหลักฐานที่ จะเอาผิดได้ ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าเป็นการปกปิดอะไรบางอย่างจึงได้มีการติดตามเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น
สัมภาษณ์…นายพีระพงษ์ เนินวิเชียร อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย มูนิธิสยามรวมใจ(ปู่อินทร์) เชียงคำ