สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนที่จ.พะเยาติดตามขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ

แชร์ข่าวพะเยา

พลเอกสกนธ์ สัจจานิตย์ รองประธานคณะกรรมการคนที่ 1 พร้อมด้วย พันตำรวจตรี ยงยุทธ สาระสมบัติ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ และคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) ได้เดินทางมาที่ จ.พะเยา ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดพะเยา   เพื่อติดตามปฏิรูปประเทศ แผนยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งรับฟังข้อมูลความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และความคืบหน้า การดำเนินงานจากนายกมล  เชียงวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ในประเด็น แผนพัฒนาจังหวัดที่สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ  ประจำปีงบประมาณ 2563 ปัญหาหมอกควันไฟป่า ปัญหาด้านภัยแล้ง กว๊านพะเยาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ และการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานพัฒนาความพะเยา ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ (ตอนบน)  ณ จ.พะเยา  และ จ.เชียงราย

     พลเอกสกนธ์ สัจจานิตย์ รองประธานคณะกรรมการคนที่ 1  เปิดเผยว่า สมาชิกวุฒิสภา มีบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปตามแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ โดยคณะสมาชิกวุฒิสภาจะแบ่งการทำงานในพื้นที่เป็น 7 คณะทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการที่รับผิดชอบภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย 8 จังหวัดได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง สำหรับการลงพื้นที่ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ (ตอนบน) เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และติดตามการปฏิรูปประเทศตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่จังหวัดพะเยาและทราบถึงปัญหาเรื่องภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำ ปัญหาหมอกควัน การท่องเที่ยว ผลผลิตทางการเกษตร และได้ปรึกษาหารือให้คำแนะนำกับจังหวัดพะเยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้คณะฯ ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อนำผลที่ได้จากการรับฟังในพื้นที่ไปประมวลตามแผนการปฏิรูปประเทศว่าจังหวัดพะเยาผ่านหรือไม่ มีประเด็นอะไรที่ต้องแก้ไข ซึ่งทั้งหมดเป็นลักษณะการทำงานแบบติดตาม ตรวจสอบ และเสนอแนะ เร่งรัด เพื่อให้การทำงานในพื้นที่มีความคืบหน้าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศ

     สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดพะเยา ระหว่างวันที่ 9 – 10 กรกฎาคม 2563 นอกจากติดตามแผนพัฒนาจังหวัดพะเยาที่สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ การแก้ไขปัญหาหมอกควัน ภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำและการพัฒนากว๊านพะเยาแล้ว ยังลงพื้นที่อำเภอภูซาง เพื่อติดตามการบริหารจัดการด่านถาวรบ้านฮวก หลังจากมีการเปิดเป็นด่านถาวร และประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดด่านสากลปางมอญแล้ว ซึ่งการบริหารจัดการด่านชายแดนถาวรที่มีการยกระดับเทียบเท่ากันทั้งสองประเทศ  อาจจะประสบปัญหาหลายด้านในอนาคต จึงจำเป็นต้องติดตามว่าจังหวัดพะเยามีการเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไรบ้าง รวมถึงการค้าชายแดนจะเป็นไปทิศทางไหนในอนาคต   โดยในวันเดียวกัน คณะได้เดินทางไปที่ มหาวิทยาลัยพะเยา ที่ ห้องศาลจำลอง ชั้น 3 อาคารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อรับทราบข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอธิการบดี คณบดี และคณะอาจารย์ที่เกี่ยวข้องมหาวิทยาลัยพะเยา ทั้งเรื่องของปัญหาหมอกควัน รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว ตลอดจนเรื่องของข้อกฎหมายในการพัฒนากว๊านพะเยา   

        พันตำรวจตรี ยงยุทธ สาระสมบัติ ที่ปรึกษาคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนฯ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการที่รับผิดชอบจังหวัดพะเยา กล่าวว่า การลงพื้นที่ที่มหาวิทยาลัยพะเยาครั้งนี้ เพื่อมาติดตามพร้อมขอความรู้ความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยพะเยา ในเรื่องของการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยเฉพาะค่า PM 2.5 รวมถึงเรื่องของการปลูกพืชทดแทน พืชเชิงเดี่ยว ว่าจะมีแนวทางการดำเนินการอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ เรื่องของกว๊านพะเยา การขุดลอกกว๊าน ที่ติดขัดในเรื่องของข้อกฎหมาย แต่ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้รับการคลี่คลายลงไปบ้างแล้ว และในเรื่องสุดท้าย คือ การส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาแวะค้างคืนที่จังหวัดพะเยา ซึ่งเชื่อว่า มหาวิทยาลัยพะเยา มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะนำเอาศักยภาพมาช่วยดำเนินการพัฒนาปรับปรุงจังหวัดพะเยา ในเรื่องต่างๆดังกล่าว ได้เป็นอย่างดี


แชร์ข่าวพะเยา