ตร.ภูซางรวบโจรขโมยพระพุทธรูปเก่าแก่

แชร์ข่าวพะเยา

       ชุดสืบภูซางบุกรวบตั่วหนุ่มใหญ่คาบ้านหลังก่อเหตุขโมยพระ 2 อำเภอ ด้านเจ้าอาวาสใจชื้นหลังรู้ข่าวเผยนอนไม่หลับมา 3-4 คืนแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อ.เชียงคำ และ อ.ภูซาง จ.พะเยา ได้มีโจรอาละวาดออกขโมยพระตามวัดต่าง ๆ จนทราบว่ามี 2 วัดในพื้นที่ 2 อำเภอที่พระพุทธรูปหายคือวัดไชยพรม ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา เป็นพระพุทธรูปลักษณะหน้าตักกว้าง 7-8 นิ้วไม่เก่ามากช่วงเวลาที่หายเป็นวันที่ 8 ก.ค.68 เวลา 17.22 น. และอีกวัดคือวัดหนองเลา ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา ส่วนที่หายเป็นพระสิงห์หนึ่ง พระพุทธรูปที่เก่าแก่อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปีหน้าตักกว้าง 19 นิ้ว ส่วนเวลาที่ถูกขโมยนั้นเป็นเที่ยงคืนของวันที่ 10 ก.ค.68 ทั้งนี้ทั้ง 2 วัดมีกล้องวงจรปิดและสามารถบันทึกพฤติกรรมของโจรแสบรายนี้ได้ โดยในเวลาต่อมาทางพระอธิการนพชัย ชยวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัดหนองเลา และพระครูพิศาลนพกิจ เจ้าอาวาสวัดไชยพรม ได้มอบหมายให้ทางไวยาวัจกร เข้าแจ้งความเอาผิดกับโจรรายนี้และนำตัวมาลงโทษให้ได้

      ต่อมาทาง พ.ต.อ.ปริญญา เพชรมี ผกก.สภ.ภูซาง และ พ.ต.อ.ถนัด ชุมมะโน ผกก.สภ.เชียงคำ จ.พะเยา ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วีรศักดิ์  ชาวริม รอง ผกก.สภ.ดอกคำใต้ ช่วยราชการในตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สภ.ภูซาง พ.ต.ท.สันต์ชัย หินทราย สว.สส.สภ.ภูซาง ร.ต.ต.ณรงค์ บุญทา รอง สว.(ป)สภ.ภูซาง พ.ต.ท.ชายชาญ ไชยมงคล สว.สส.สภ.เชียงคำ ร.ต.อ.มนัส รัตนวิริยาภรณ์ รอง สว.สส.สภ.เชียงคำพร้อมด้วยชุดสืบสวนและกำลังตำรวจชุดสายตรวจรถยนต์ทั้ง 2 อำเภอลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลผู้กระทำผิดรายนี้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมาทางชุดสืบสวน สภ.ภูซาง ได้พบผู้ต้องสงสัยตามหลักฐานกล้องวงจรปิดจึงได้เข้าทำการจับกุมคาบ้านพักในพื้นที่บ้านป่าสัก ม.4 ต.ป่าสัก อ.ภูซาง จ.พะเยาทันที ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายมานพ (ขอสงวนนามสกุล) หรือต้อม ชาวบ้านป่าสัก ม.4 ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้มีการขัดขืนแต่อย่างใด ทั้งนี้จากการตรวจค้นภายในบ้านพบพระพุทธรูปไม่ต่ำกว่า 20 องค์ทั้งเล็กและใหญ่รวมทั้งยาบ้าอีกจำนวน 13 เม็ดพร้อมอุปกรณ์การเสพ   

     ร.ต.ต.ณรงค์ 1 ในเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.ภูซางของชุดจับกุมได้เปิดเผยว่า พระพุทธรูปของวัดไชยพรมและวัดหนองเลานั้นเจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นคนขโมยไปจริง แต่สำนึกผิดจึงได้เอาพระพุทธรูปของวัดไชยพรมไปคืนภายในวัดแต่ระบุไม่ชัดเจนว่าไปไว้ที่ไหน ส่วนพระพุทธรูปของวัดหนองเลานั้นผู้ต้องหาบอกว่าได้นำไปทิ้งไว้ที่คลองใต้สะพานบริเวณทางเข้าบ้านสันปูเลย ม. ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ จ.พะเยา ทั้งนี้ตนเองจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิลือชาพะเยาจุดภูซาง เพราะเกรงว่าจุดที่ทิ้งนั้นน้ำอาจจะลึก เมื่อไปถึงจุดที่ผู้ต้องได้บอกนั้นก็เห็นฐานพระพุทธรูปโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำชัดเจน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ลงไปเอาปรากฏว่าน้ำตื้นประมาณหัวเข่า และยังพบพระสิงห์หนึ่งของวัดหนองเลานอนจมในน้ำอีกองค์ด้วย ซึ่งเมื่อเอาขึ้นมาจากน้ำก็สร้างความดีใจให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก เพราะผู้ต้องหาได้บอกว่าพระพุทธรูปบางส่วนได้นำลงไปขายใน จ.อยุธยาและกรุงเทพฯ

       นายมานพ ผู้ต้องหาได้เล่าว่า พระที่ตนเองได้ขโมยไปนั้นส่วนใหญ่นำไปขายตามตลาดพระทั้งใน จ.อยุธยาและกรุงเทพฯ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้มีใบสั่งซื้อมาหาตนเองแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากก่อเหตุไปแล้วและรู้ว่าผู้การแจ้งความนั้นตนเองก็รู้สึกสำนึกผิดจึงได้นำพระของวัดไชยพรมไปคืนโดยเอาไปหย่อนภายในวัดซึ่งเวลานั้นไม่มีใครเห็น ส่วนพระพุทธรูปของวัดหนองเลาตนเองได้นำไปทิ้งน้ำในช่วงเย็นวานก่อนมาถูกจุบกุมในเวลาต่อมา สำหรับพระพุทธรูปของวัดหนองเลานั้นตนเองได้ติดตามมานานในเพจเฟสบุ๊คของวัดหนองเลาโดยจะเล็งดูว่ามีพระเก่าอะไรบ้างส่วนพระสิงห์หนึ่งที่ตนเองขโมยมานั้นตนเองเห็นตั้งแต่สมัยบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดแห่งนี้แล้ว เมื่อสบโอกาสและรู้ตำแหน่งของพระพุทธรูปตนเองจึงได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดไว้ข้างนอกวัดก่อนจะเข้ามาอุ้มออกไปจากศาลาปฏิบัติธรรม โดยการก่อเหตุครั้งนี้ตนเองทำคนเดียวเท่านั้น

     พระอธิการนพชัย ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอาตมารู้สึกโล่งใจที่ได้พระพุทธรูปที่หายไปคืนมา ซึ่งตั้งแต่หายไปนั้นอาตมานอนไม่หลับมา 3 – 4 คืนแล้วเพราะเกรงว่าโจรรายนี้จะนำเอาไปขายที่อื่นจนไม่สามารถตามคืนมาได้ ทั้งนี้อาตมาขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั้ง สภ.ภูซางและ สภ.เชียงคำที่ตามกลับคืนมาให้ได้จนสำเร็จ

      ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ภูซางจึงได้ตัวผู้ต้องหาส่งให้กับ พ.ต.ต.บรมวิชญ์ วังนัยกุล พนักงานสอบสวนร้อยเวร สภ.ภูซาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกันต่อไปส่วนของกลางพระพุทธรูปที่ยึดมาได้หากว่าเป็นของวัดใดที่คาดว่าจะหายไปก็สามารถเดินทางมาขอรับคืนได้ที่ สภ.ภูซาง ได้ทุกเวลาทำการ


แชร์ข่าวพะเยา