หญิงสาววัย 29 ปี อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านต๋อมอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ผันชีวิตจากการเป็นพนักงานประจำ มาปลูกผักบุ้งแก้วออกจำหน่ายสร้างรายได้ต่อวันมากกว่า 3,000 บาท
นางสาวชญานิศ นามแพร่ อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านสันหนองเหนียว ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา นำผู้สื่อข่าวเข้าดูแปลงปลูกผักบุ้งแก้วที่เธอพลิกผันชีวิตตัวเองจาการเป็นพนักงานประจำมาทำการปลูก โดยการใช้พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ของพ่อที่เคยทำนา มาปลูกผักบุ้งแก้วออกจำหน่ายสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี และนอกจากนั้นยังเป็นพืชที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
โดยนางสาวชญานิศ นามแพร่ เล่าว่า ตนเองนั้นได้ทำการหันมาปลูกผักบุ้งแก้วลักษณะดังกล่าวเมื่อปีกว่าที่ผ่านมาโดยใช้สายพันธุ์ที่นำมาจากที่อื่นและมาผสมผสานกันและนำมาปลูกในพื้นที่จังหวัดพะเยา โดยใช้พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ของผู้เป็นพ่อ ที่เคยทำนามาโดยตลอด แต่ว่าการทำนานั้นเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมากและต้องดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ตนเองเลยมีความคิดว่าอยากจะมีรายได้ตลอดทั้งปี จึงได้ทำการปลูกผักบุ้งแก้วดังกล่าวมาเมื่อปีกว่าที่ผ่านมาโดยผลผลิตนั้นหลังจากที่ทำการปลูกไปก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้ภายในระยะเวลา 1.5-2 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว นอกจากนั้นยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อรอบของการปลูกได้ถึงระยะเวลา 5 เดือน จากนั้นก็จะเริ่มปลูกใหม่ทดแทน โดยแต่ละวันนั้นสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากกว่า 30 กิโลกรัม และสร้างรายได้ให้ไม่ต่ำกว่าวันละ 3,000 บาท ซึ่งจะมีพ่อค้าแม่ค้าเดินทางมารับซื้อถึงฟาร์มผักบุ้งของตนเองรวมทั้งก็จะมีออเดอร์ตามร้านอาหารต่างๆที่สั่งจองเข้ามาทุกวัน ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี โดยแรงบันดาลใจของตนเองนั้นที่มาทำการปลูกผักบุ้งดังกล่าวเนื่องจากในพื้นที่ไม่ค่อยมีการปลูกผักบุ้งลักษณะนี้ โดยที่ผ่านมานั้นผู้บริโภคจะต้องสั่งซื้อจากที่อื่นมาจำหน่าย หลังจากที่ตนเองหันมาปลูกผักบุ้งแก้วดังกล่าวนั้นสามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดีและตลาดมีความต้องการสูง
