ตำรวจติดตามกรณีหนุ่มพิการถูกโอนเงินเกลี้ยงบัญชี

แชร์ข่าวพะเยา

      เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา โดย พ.ต.อ.พ.ต.อ.บวร ไชยคำ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองพะเยา  ต้องเข้า ติดตามกรณีชายพิการร่างแคระถูกแอพธนาคารโอนเงินเกลี้ยงบัญชี โดยที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจขอข้อมูลกับทางธนาคารในการทำธุรกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบหมายเลขบัญชีปลายทาง ที่รับโอนโดยคาดว่าจะได้รับความชัดเจนขึ้นภายในสัปดาห์หน้า

พ.ต.อ.บวร ไชยคำ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองพะเยา  ระบุว่า หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นของผู้เสียหาย ทางเจ้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ประสานกับทางธนาคารกรุงเทพเพื่อร่วมกันที่จะหาแนวทางในการช่วยเหลือตอนนี้ได้รับข้อมูลยืนยันว่าเงินที่โอนนั้นเป็นการโอนโดยวิธีการใช้แอพมือถือแน่นอนไม่ได้มีการไปโอนที่ตู้โดยวิธีโอนนั้นจะโอนจากมือถือซึ่งทางธนาคารได้มีการตรวจเช็คแล้วในวันเวลาต่อเนื่องกับการที่โอนไปก่อนหน้านั้นโดยมียอดและอีกประมาณ 1 เดือนเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยาติดตามกรณีชายพิการร่างพระถูกแอพธนาคารโอนเงินเกลี้ยงบัญชีโดยที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ทำทุรกรรม

       ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจขอข้อมูลกับทางธนาคารในการทำทุรกรรมดังกล่าวพร้อมทั้งเข้าตรวจสอบหมายเลขบัญชีปลายทาง ที่รับโอนโดยคาดว่าจะได้รับความชัดเจนขึ้นภายในสัปดาห์หน้า โดย พ.ต.อ.ตำรวจเอกบวร ไชยคำ ระบุว่า หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นของผู้เสียหายทางเจ้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจด้วยได้ประสานกับทางธนาคารกรุงเทพเพื่อร่วมกันที่จะหาแนวทางในการช่วยเหลือตอนนี้ได้รับข้อมูลยืนยันว่าเงินที่โอนนั้นเป็นการโอนโดยวิธีการใช้แอพพมือถือแน่นอน ไม่ได้มีการไปโอนที่ตู้โดยวิธีโอนนั้นจะโอนจากมือถือซึ่งทางธนาคารได้มีการตรวจเช็คแล้วในวันเวลาต่อเนื่องกับการที่โอนไปก่อนหน้านั้นโดยมียอดและอีกประมาณ 1ชั่วโมงจากนั้นก็มีการโอนเงินจำนวนดังกล่าวคืน 11,601บาทซึ่ งเป็นจุดที่โอนเดียวกันจากการโอ 400 บาท นั้นและโทรศัพท์ก็อยู่ที่เดิมแต่บัญชีปลายทางนั้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากผู้เสียหายได้มีการลบแอพของทางธนาคารออกไม่สามารถที่จะเช็คบัญชีปลายทางได้ซึ่งทางธนาคารกรุงเทพก็ได้มีหนังสือเพื่อที่จะเอารายละเอียดทุรกรรมของบัญชีดังกล่าวจากส่วนกลางเพื่อดูว่าการโอนบัญชีปลายทางเป็นบัญชีของใครซึ่งอีกด้านหนึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบทางแอพโดยการตรวจสอบชื่อของบุคคลที่ระบุดังกล่าวจากทะเบียนราษฎร์พบว่ามีชื่อเหมือนเดียวกันสองรายโดย รายหนึ่ง อยู่ที่จังหวัดเชียงรายและอีกรายหนึ่งอยู่ที่ อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่า 2 รายดังกล่าวนั้นใครเป็นเจ้าของบัญชีตอนนี้กำลังที่จะเช็คเลขบัญชีอยู่ซึ่งหากพบว่าใครเป็นเจ้าของบัญชีก็จะเรียกมาเพื่อทำการสอบสวนโดยจะทำการสอบปากคำกับเจ้าของบัญชีดังกล่าวที่รับโอนเงินไปซึ่งจะได้ความกระจ่างขึ้นอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้ได้มีการส่งโทรศัพท์มือถือไปที่กองบังคับการสืบสวนเพื่อดูข้อมูลกลับมาว่าในช่วงที่เกิดเหตุดังกล่าวนั้นได้มีการติดต่อกับใครว่างบ้างและมีใครส่งข้อความเอสเอ็มเอสเข้ามายังโทรศัพท์มือถือ เข้ามายังโทรศัพท์มือถือผู้เสียหายจะได้นำข้อมูลมารวมกันและจะสรุปผลว่ากรณีดังกล่าวนั้นเป็นการโดยวิธีการใดซึ่งได้ตั้งประเด็นไว้  3 ประเด็นด้วยกันคือ

1คือประเด็นในเรื่องของแก๊งค์หลอกลวงหรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ส่งข้อมูลเข้ามาและอาจจะหักบัญชีสองบุคคลใกล้ชิดว่ามีส่วนรู้เห็นและดำเนินการดังกล่าวหรือไม่  ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่มองคือประเด็นในเรื่องของคนร้ายสามารถที่จะเข้าโอนด้วยที่เราไม่ได้ทำทุรกรรมซักอย่างแต่เงินถูกหักในบันชีออกไป ซึ่งตรงนี้ต้องรอหากทราบบัญชีปลายทางก็จะสามารถทำให้เรื่องดังกล่าวกระจ่างขึ้นโดยตอนนี้เจ้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามกรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง


แชร์ข่าวพะเยา