โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.๕ , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.๕, พ.ต.อ.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.ท.สุภัส พรหมเผ่า สว.ตม.จว.พะเยา เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.พะเยา ได้ตรวจสอบนาย ฟาร์ซาด คนต่างด้าว ชาว สวีเดน (เชื้อสายอิหร่าน) และนางมาร์ยาม หญิง ชาวอิหร่าน ซึ่งบุคคลทั้งสอง เป็นสามี-ภรรยากัน โดยมีบุตรอายุประมาณ 2 ขวบ และ 1 ขวบ ติดตามด้วยอีก 2 คน ตรวจสอบพบข้อมูลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวเมื่อปี 2566 โดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของบุคคลทั้งสองราย สิ้นสุดเมื่อ 7 พ.ค.66 โดยที่ไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หรือ ได้ยื่นขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรตามกฎหมายอีกแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ปัจจุบันเป็นการอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดอนุญาต 1 ปี 2 เดือน 19 วัน โดยให้การว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ และเพิ่งจะเดินทางมาจังหวัดพะเยา เพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกับอดีตภรรยาชาวไทยในจังหวัดพะเยาเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ ตม.จว.พะเยา จึงได้แจ้งให้คนต่างด้าวทั้งสองรายทราบว่า การที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดอนุญาต เป็นความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา และควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากศาลได้พิพากษาและคดีสิ้นสุดแล้ว จะต้องถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร และห้ามเข้าราชอาณาจักรไทยอีกเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากบุคคลทั้งสองถูกจับกุมฐานความผิดดังกล่าว ด้วยการอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดอนุญาตเป็นเวลามากกว่า 1 ปี
ในการนี้ขอประชาสัมพันธ์เจ้าบ้านผู้ครอบครองเคหสถาน หรือผู้จัดการโรงแรมที่พักอาศัย หากรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยต้องแจ้ง ตม.ภายใน 24 ช.ม. หากฝ่าผืนจะถูกจับกุมฐาน “รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ช.ม.” โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และสามารถแจ้งเบาะแส หรือการกระทำความผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 กรุณาแจ้ง สายด่วน 1178 หรือ ตม.จว.พะเยา 054430880