ธรรมนัสลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย

แชร์ข่าวพะเยา

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์    ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพะเยา พร้อมมอบถุงยังชีพ และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยในพื้นที่

                 วันที่ 23 ส.ค.2567  ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพะเยา พร้อมมอบถุงยังชีพและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยในพื้นที่ ได้แก่ บ้านร่องไฮ หมู่ที่ 1 ต.แม่ใส อ.เมืองพะเยา โดยมีจำนวนครัวเรือนได้รับผลกระทบ 250 ครัวเรือน และชุมชนท่าวังควาย บ้านแม่ต๋ำ อ.เมืองพะเยา มีจำนวนครัวเรือนได้รับผลกระทบ 300 ครัวเรือน  โดยมีนายภูธนะ  ชมภูมิ่ง  รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยปลัดจังหวัดพะเยา นายอำเภอเมืองพะเยา ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพะเยา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดพะเยา หัวหน้าส่วนราชการ  เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้

              โดยปริมาณน้ำจากกว๊านพะเยา   เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ปริมาณน้ำสูง 1- 2 เมตร  ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมา  ทำให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา ต้องขอรับการสนับสนุนเรือท้องแบน จาก ศปภ. เขต 15 เชียงราย จำนวน 4 ลำ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ บ้านร่องไฮ ม.1 ต.แม่ใส จำนวน 3 ลำ และนำไปช่วยเกษตรกร (ฟาร์มหมู) ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ในพื้นที่ ต.ดงเจน อ.ภูกามยาวอีก จำนวน 1 ลำ

           อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้กำชับให้ส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า จัดตั้งโรงครัวผลิตอาหารและแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัด ดังนี้ จังหวัดพะเยา ข้าวกล่อง 300 กล่อง ถุงยังชีพ 700 ชุด  จังหวัดเชียงราย ข้าวกล่อง 500 กล่อง ถุงยังชีพ 500 ชุด  จังหวัดแพร่ ข้าวกล่อง 1,000 กล่อง ถุงยังชีพ 200 ชุด และ  จังหวัดน่าน ข้าวกล่อง 300 กล่อง ถุงยังชีพ 500 ชุด            

               รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์  เปิดเผยว่า   สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือตอนบน ถือว่าหนักสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งในส่วนของจังหวัดพะเยา โดยจากน้ำกว๊านพะเยา ซึ่งมีลำน้ำหลายสายไหลมาบรรจบกันถึง 13 สาย  จากฝนที่ตกอย่างหนักหลายวันทำให้มวลน้ำมหาศาลน้ำเอ่อ ท่วมเข้าหมู่บ้านเรือนราษฎรโดยเฉพาะบ้านร่องไฮหมู่ 1 ต.แม่ใส ปริมาณน้ำสูงมาก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  จึงได้สั่งการให้กรมชลประทาน  ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพะเยา  เร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำอิง ไปยังอำเภอจุน อำเภอภูซาง  ก่อนจะไหลลงเขต อำเภอเทิง จ.เชียงราย และลงสู่แม่น้ำโขง  ในเวลานี้ปริมาณน้ำโขงสูงมาก ทำให้น้ำจากเชียงราย พะเยา  ผ่านลำน้ำอิง  ลงสู่แม่น้ำโขง ไม่สะดวก  ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน สถานการณ์ก็จะคลี่คลายลง ส่วนพื้นที่ตอนกลาง และตอนล่างนั้น  ขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานสักกัดกรมชลประทาน เฝ้าระวัง เร่งระบายน้ำ พร่องน้ำในลำน้ำสาขาต่างๆแล้วรวมถึงลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับการไหลบ่าของมวลน้ำจากภาคเหนือตอนบน ทั้งนี้เพื่อให้บรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าวได้

                    ขณะที่ล่าสุด  จังหวัดพะเยา หลังจากได้เกิดสาธารณภัยขึ้น จังหวัดก็ได้ออกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณะภัยตามอำนาจหน้าที่ และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอุทกภัย รวมจำนวน 13 ครั้ง ในพื้นที่ อำเภอเชียงม่วน อำเภอเชียงคำ อำเภอปง อำเภอเมือเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้

อำเภอจุน อำเภอภูซาง อำเภอภูกามยาว และอำเภอแม่ใจ  รวม 9 อำเภอ 120 ตำบล 15 ชุมชน 795 หมู่บ้าน (ซ้ำตำบล/หมู่บ้าน) ราษฎรได้รับผลกระทบ 11,897 ครัวเรือน  ทั้งนี้ทางจังหวัดพะเยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วน เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนเป็นการเบื้องต้นไปแล้ว พร้อมทั้งได้สั่งการทุกหน่วยให้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์พร้อมช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่


แชร์ข่าวพะเยา