ตร.พะเยา บุกรวบตัวมือเผาป่าวัดอนาลโยทิพยาราม

แชร์ข่าวพะเยา

      เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา บุกรวบตัวหนุ่มอายุ 23 ปี ในพื้นตำบลสันป่าม่วงหลังพบมีพฤติกรรมว่า เกี่ยวข้องกับคดีไฟป่าในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณวัดอนาลโยทิพยาราม ตำบลบ้านสันป่าม่วง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นเหตุให้ไฟป่าลุกลามสร้างความเสียหายให้กับอาคารและอุโบสถของวัดเป็นจำนวนมาก โดยมูลค่าความเสียหายมากกว่า 3ล้านบาท เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งขอข้อหา “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมิให้บุคคลใด ยึดถือครอบครอง ที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ และหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสี่ยมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ

      พ.ต.อ. บวร ไชยคำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา นำกำลังชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา เข้าทำการบุกรวบตัว นายสมรักษ์ ยาดี อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 48 หมู่ 1ตำบลสันป่าม่วง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา บริเวณภายในสวนยางพาราในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา หลังพบหลักฐานว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการที่ทำให้เกิดไฟป่าบริเวณวัดอนาลโยทิพยาราม ตำบลสันป่าม่วง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาซึ่งเป็นเหตุให้ไฟป่าได้ลุกลามเข้าไหม้พื้นที่ป่า อาคาร รวมทั้งอุโบสถหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 3 ล้านบาทได้รับความเสียหาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดในกรณีที่เกิดไฟไหม้ป่าดังกล่าว และที่ผ่านมาพบของกลางหลายรายการที่เป็นหลักฐานในการที่จะสืบหาผู้กระทำผิด

     ล่าสุดทางเจ้าที่ตำรวจได้ตรวจดีเอ็นเอ ของก้นบุหรี่ ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุบริเวณที่เกิดไฟป่ารวมทั้งปลอกกระสุนและอุปกรณ์อีกหลายรายการ พบว่าตรงกับผู้ต้องหาตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอออกหมายจับดังกล่าว ซึ่งขณะที่เจ้าที่ตำรวจ บุกเข้ารวบตัวพบว่าผู้ต้องหาพยายามที่จะหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถที่จะจับกุมตัวไว้ได้ และนำมาสอบสวนเบื้องต้นระบุว่าตนเองได้เดินทางไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุดังกล่าวจริง โดยได้เข้าไปล่าสัตว์และมีการสูบบุหรี่ตลอดจนถึงการยิงสัตว์ ซึ่งทางเจ้าที่ตำรวจ จะได้ทำการสอบสวนในเรื่องของการที่เกิดไฟป่าดังกล่าวต่อไป เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในการกระทำความผิดในเรื่อง “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมิให้บุคคลใด ยึดถือครอบครอง ที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ และหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสี่ยมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ”  ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา ที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี และสำหรับกรณีที่เกิดไฟป่านั้นทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการสอบสวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อดำเนินคดีต่อไป


แชร์ข่าวพะเยา