ร้องดำเนินคดีบ้านออมทรัพย์หลังฉ้อโกงหลบหนี

แชร์ข่าวพะเยา

     ผู้คนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา รวมกว่า 50 คน ต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินคดีกับเพื่อนอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน หลังตั้งเป็น บ้านออมทรัพย์ โดยการหลอกลวงกลุ่มเพื่อนมากกว่า 100 ราย ทำการออมและให้ผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่สูงล่าสุดได้หลบหนีออกจากพื้นที่และไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ต้องสูญเสียเงินรวมแล้วกว่า 10 ล้านบาท ล่าสุดต้องเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยาเพื่อดำเนินคดี

     กลุ่มผู้เสียหายรวมกว่า 50 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยพะเยา ต้องรวมตัวกันเข้าทำการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเอาผิดกับนางสาวชญานิศา มานะกิจ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 648  / 11 หมู่ที่ 6 ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง หลังทำการตั้งบ้านตนเองเป็นบ้านออมทรัพย์ โดยทำการหลอกลวงชักชวนให้กลุ่มสมาชิก ผู้เสียหายทำการออมเงินโดยให้ผลประโยชน์ตอบแทนซึ่งเป็นดอกเบี้ยโดยคิดในอัตราหากเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาทและถ้ามีการฝากเป็นรายเดือนก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน 37% หากเป็นรายสัปดาห์ก็จะคิดอัตรา 10%

     โดยผู้เสียหายรายหนึ่งระบุว่า บุคคลดังกล่าว ได้เริ่มให้มีการชักชวนสมาชิกทำการลงทุนโดยการออมเงินตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ซึ่งแต่ละรายก็มีการลงทุนกันเบื้องต้นเริ่มต้นที่ 10,000 บาท จนถึงสูงสุดรวมแล้ว กว่า 800,000 บาทต่อราย ซึ่งในระยะเริ่มต้นก็จะได้รับเงินตอบแทนที่ตรงเวลาและได้จำนวนดังที่กล่าวที่กำหนดไว้  จนล่าสุดเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งได้นัดหมายกับผู้ที่เป็นสมาชิกในการออมเงินว่าจะชำระในเรื่องของผลประโยชน์ตอบแทนให้ แต่ก็มาทราบข่าวภายหลังว่าได้ทำการปิดเฟสและปิดสื่อออนไลน์ทั้งหมดแล้วหลบหนีไป พร้อมกับแม่และรถยนต์เก๋งป้ายแดงซึ่งขณะนี้ก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้จึงได้รวมตัวกันทำการแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวดังกล่าว

    ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา โดยพนักงานสอบสวนระบุว่า ขณะนี้ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ดังกล่าวแล้วและก็จะรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนของผู้เสียหายซึ่งขณะนี้ได้มีการอายัดบัญชีของผู้ที่กระทำการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน 3 บัญชี และจะทำการทยอยเรียกผู้เสียหาย เข้าดำเนินการสอบสวนและส่งให้กับผู้บังคับบัญชา เพื่อที่จะส่งต่อไปยัง ปอท (ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี เนื่องจากคดีดังกล่าวมีผู้ได้รับความเสียหายเกินกว่า 10 คน และมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งต้องรวบรมพยานหลักฐานข้อเท็จจริง เพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่ฉ้อโกงดังกล่าวต่อไป


แชร์ข่าวพะเยา