ชาวบ้านร้องสร้างสะพานใหม่ ทำทางเบี่ยงถนนผุพังไม่สามารถสัญจรได้

แชร์ข่าวพะเยา

    ชาวบ้านในพื้นที่บ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ สุดทนร้องสื่อ หลังผู้รับเหมาสร้างสะพานใหม่ และมีการทำทางเบี่ยงถนนผุพังมานานไม่ยอมแก้ไข ขณะที่ช่วงนี้น้ำหลากรถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ต้องใช้ถนนทางอ้อมไกลกว่า 30 กม.

    ชาวบ้าน บ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ต้องทำการร้องเรียนต่อผ็สื่อข่าว หลังจากได้รับความเดือดร้อน จากการใช้ถนนเส้นทางหลวงชนบท หมายเลข พย. 4033 เชียงคำ-จุน-ป่าแดด-เทิง-เชียงราย เนื่องจากได้มีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ได้ทำการทุบสะพานข้ามลำน้ำอิง บ้านปางมดแดง-สักทุ่ง  เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการทำการก่อสร้างสะพานดังกล่าวมากว่า 2 เดือน ซ้ำยังทำทางเบี่ยงซึ่งเดิมเป็นทางเข้าสู่พื้นที่ทางการเกษตร ทำไร่ ทำนา ที่เต็มไปด้วยหลุม บ่อ แต่ก็ไม่มีการแก้ไขมาเป็นระยะเวลายาวนาน จนล่าสุดได้เกิดน้ำท่วมขังเป็นจุดๆตลอดแนว ระยะทางไกลกว่า 2 กิโลเมตร  เพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม อีกทั้งยังใช้ประตูระบายน้ำ ของของกรมชลประทานเป็นสะพานข้ามแม่น้ำอีกด้วย และที่สำคัญ ในขณะนี้ได้เกิดน้ำท่วมขังเป็นหลุมบ่อรถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ และบริเวณที่ก่อสร้างก็ไม่มีป้ายโครงการปิดประกาศเตือนให้ชาวบ้าน รวมทั้ง ไม่รับทราบว่าหน่วยงานไหนรับผิดชอบ ผู้รับเหมาเป็นบริษัทใด รวมถึงระยะเวลาก่อสร้างและงบประมาณก็ไม่แจ้งแต่อย่างใด

      นายสงกา ผลาปี ผู้ใหญ่บ้านปางมดแดง หมู่ 9 พร้อมชาวบ้านได้พาไปตรวจสอบเส้นทางดังกล่าวมีความกว้างเพียง 3-4 เมตร ซึ่งตลอดเส้นทางเป็นหลุมเป็นบ่อ บางที่มีน้ำหลากข้ามถนนชาวบ้านต่างช่วยกันซ่อมแซมกันเอง นายสงกา ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่ทุบสะพานทิ้งก็ไม่มีหน่วยงานไหนมาดำเนินการก่อสร้างสะพานดังกล่าวอีกเลย ทางเบี่ยงที่ชาวบ้านใช้สัญจรขณะนี้ก็เป็นเพียงทางเข้าไร่เข้านาของชาวบ้าน ปกติแล้วบริเวณนี้น้ำจะท่วมสูงกว่า 2-3 เมตร ทุกปี ซึ่งขณะนี้เป็นฤดูน้ำหลาก อีกไม่กี่อาทิตย์น้ำจะท่วมเส้นทางนี้หมด โดยตนเองทราบว่าโครงการนี้อาจใช้เวลาการก่อสร้างถึง 2 ปี จึงวอนขอให้ทางหน่วยงานหรือบริษัทที่รับผิดชอบช่วยสร้างสะพานเหล็กข้ามลำน้ำอิงให้ด้วย เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน รถกู้ภัย รถพยาบาลต้องนำคนไข้ส่ง รพ.เชียงราย ด้วยสภาพทางเบี่ยงเป็นหลุมบ่อ แคบ และอันตราย หรือการอ้อมในระยะทาง 20-30 กม. จากเส้นทางเดิม อาจจะทำให้คนป่วยเสียชีวิตได้

       ด้าน นางธศวรรณ สักลอ อายุ 50 ปี 197/1 ม.10 บ้านสักทอง ต.หงส์หิน อ.จุน จ.พะเยา อาชีพค้าขาย พร้อมชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจาการทุบสะพานข้ามลำน้ำอิง ที่ใช้เส้นทางนี้มานานกว่า 20 ปี โดยแต่ละวันต้องรับ-ส่ง สินค้า วันละ 3-4 เที่ยว และชาวบ้านที่ต้องส่งลูกเรียนไปโรงเรียนในพื้นที่อำเภอเชียงคำ ถือว่าเป็นระยะทางที่ใกล้ที่สุด เพียง16 กิโลเมตร แต่ขณะนี้ทางเบี่ยงก็ใช้ไม่ได้ ต้องใช้เส้นทางอื่นก็จะไกลถึง 30 กิโลเมตร นางธศวรรณ จึงทำการโทรสอบถามจากเบอร์โทรศัพท์ที่ปิดประกาศไว้ และได้คุยกับบริษัทผู้รับเหมาถึงปัญหาที่ชาวบ้านเดือดร้อน โดยวอนขอให้ทำการก่อสร้างสะพานเหล็กข้ามลำน้ำเพื่อให้สะดวกแก่การสัญจร ทางผู้รับเหมาได้ตอบมาว่า ทางบริษัทได้ใช้งบในการสร้างทางเบี่ยงไปหมดแล้วจึงไม่มีงบทำสะพานเหล็กให้อีก  แต่ก็จะช่วยชาวบ้านแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางได้หากมีปัญหารถติดหลุม ติดโคลน ก็มีรถไถคอยบริการลากจูงให้  ส่วนสะพานเหล็กนั้น ทางบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องเช่ามาจากที่อื่นซึ่งจะเกินงบประมาณที่ตนได้รับจึงไม่สามารถสร้างสะพานเหล็กให้ได้ อีกทั้งสะพานเหล็กไม่สามารถรองรับน้ำหนักรถบรรทุกได้ นอกจาก รถเก๋ง รถกระบะ เท่านั้น ดังนั้นทางเบี่ยงที่ใช้การอ้อมไกลอีกนิดแต่สามารถรับน้ำหนักรถได้ดีกว่า ส่วนโครงการก่อสร้างสะพาน ตอนนี้ยังสร้างไม่ได้เนื่องจากเป็นฤดูน้ำหลาก มรสุมฝนตกจึงขอพักงานไว้ก่อน ส่วนทางที่โดนน้ำตัดขาด ทางบริษัทรับปากจะซ่อมแซมโดยด่วนภายในวันนี้ แต่เมื่อถามถึงชื่อบริษัทฯที่รับเหมางานก่อสร้างสะพาน ทางต้นปลายสายก็ตัดสายทิ้งทันที

    สำหรับสะพานข้ามลำน้ำอิงที่ถูกรื้อเพื่อสร้างใหม่ เป็นเพียงจุดเดียวที่ใช้เป็นทางลัดจากชาวบ้านพื้นที่ อำเภอจุน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เพื่อเข้าสู่ อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ซึ่งจะทำให้ย่นระยะทางกว่า 20 กม. ลดเวลาเดินทางและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้มาก ในขณะเดียวกันเมื่อมีการทุบสะพานทิ้งเพื่อสร้างใหม่ และทางเบี่ยงถูกปิด ชาวบ้านต้องหาทางอ้อมเพื่อข้ามฝั่งไปทาง จังหวัดเชียงราย ต้องใช้เส้นทางอื่น ซึ่งใกล้สุดคือระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร จึงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนจนทนไม่ไหวต้องร้อง  เพื่อจะให้มีการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน


แชร์ข่าวพะเยา