โจรซาเล้งสุดแสบ ขโมยจักรยาน ทุบตู้บริจาค

     จอมโจรซาเล้งสุดแสบ ขโมยจักรยาน ทุบตู้บริจาค กระชากสร้อยคอเจ้าแม่กวนอิม  ชาวบ้านเคยเห็นหน้า พบเป็นคนในพื้นที่

วันที่ 2 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.สบบง อ.ภูซาง .พะเยา หลังทราบว่า เมื่อเวลา ประมาณ 00.10 น. ของวันที่ 1 กันยายน 2565 เจ้าของร้านถ่ายรูปภูซางโฟโต้ ดิจิตอล แจ้งว่าถูกขโมยรถจักรยานเสือหมอบที่จอดไว้บริเวณหน้าร้าน และได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบคนร้ายใช้รถซาเล้งเป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ จึงนำความไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ภูซาง เพื่อให้ติดตามเอาจักรยานคืนและดำเนินคดี

          โดย นายสุรพรรณ บัวแดง อายุ 47 ปี ชาวบ้านดอนศรีชุม ม.12 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา เจ้าของร้านภูซางโฟโต้ ดิจิตอล เล่าว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. ตนเองเพิ่งมาทราบว่ารถจักรยานเสือหมอบที่ตนจอดไว้หน้าบ้านได้หายไป จึงเปิดกล้องวงจรปิดที่ตนติดไว้บริเวณหน้าบ้านดู พบชายอายุประมาณ 40 ปี สวมเสื้อยืด กางเกงขายาวสีดำได้ขับขี่รถซาเล้ง มาจอดตรงกลางถนน เดินเข้ามาเปิดค้นกล่องใส่อาหารสีชมพูจากร้านอาหารตามสั่งข้างร้านของตน แต่ไม่ได้อะไรติดมือ จากนั้นจึงเดินมาที่หน้าร้านตนเองแล้ว แบกจักรยานเสือหมอบของตนที่จอดอยู่ใต้กรงนก ขึ้นซาเล้งจากนั้นสตาร์ทรถขับขี่ออกไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปทางบ้านดอนตัน ต.สบบง  เมื่อตนทราบดังนั้นจึงนำคลิปวีดีโอไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูซาง ไว้เป็นที่เรียบร้อย

          นายสุรพรรณ กล่าวต่อไปว่า เมื่อตนนำคลิปที่ได้ไปให้เพื่อนบ้านและจนท.กู้ภัยมูลนิธิลือชา จุดภูซางดู ก็พบว่า ชายคนดังกล่าวได้เข้าไปทุบตู้บริจาคและกระชากสร้อยคอเจ้าแม่กวนอิมไปสวมใส่ ตนอยากจะได้รถจักรยานเสือหมอบคืนมาเท่านั้น ถึงแม้ราคาที่ซื้อมาเพียง 2 พันกว่าบาท แต่มันคือสิ่งที่เป็นคุณค่าทางจิตใจ ส่วนทางขโมยนั้นขอให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะดำเนินคดี ในเบื้องต้นชาวบ้านทราบแล้วคนขโมยคือใคร      

          ด้าน นายศิริโรจน์ ไชยติขะ อายุ 21 ปี เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิลือชาพะเยา จุดภูซาง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหลังด่านตรวจศูนย์ปฏิบัติการจารจรภูซาง สภ.ภูซาง เผยว่า วันที่ 1 กันยายน 2565 เวลาประมาณเที่ยงคืน ที่ผ่านมา ขณะตนเองนอนอยู่ในห้องพักของมูลนิธิฯ ได้ยินเสียงดังเหมือนคนทุบสังกะสี จึงลุกออกมาดูเห็นชายแบกเป้ยืนอยู่หน้าศาลเจ้าแม่กวนอิม จากนั้นได้ปีนขึ้นเก้าอี้พร้อมกระชากสร้อยไข่มุกพลาสติกจากคอรูปปั้นเจ้าแม่ฯ ยาวประมาณ 1 เมตร นำมาพันแล้วคล้องคอจากนั้นก็เดินออกไปทางบริเวณตู้ยามตำรวจ ตนเองคิดว่าคงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสักการะเจ้าแม่ฯ จึงกลับเข้าไปนอนตามปกติ ช่วงเย็นวันต่อมา(1 ก.ย.65) ตนเองสังเกตเห็นว่าตู้รับบริจาคที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าศาลเจ้าแม่ฯได้หายไปจึงได้เดินตามหาโดยรอบ พบว่าตู้เงินบริจาคดังกล่าว ถูกทิ้งอยู่หลังศาลเจ้าแม่ฯ โดยมีสภาพด้านหน้าถูกทุบกระจกแตก เงินบริจาค 2 พันกว่าบาทภายในตู้ได้หายไปหมด ทั้งนี้ตนได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว